“ประโยชน์จากเทียนไขกับการใช้งานในบ้าน”



ช่วยเพิ่มความลื่นให้กับของใช้ต่างๆ
             เทียนไขมีส่วนประกอบจากขี้ผึ้ง ช่วยหล่อลื่นให้สิ่งต่างๆ ลื่นไหลได้ดี  ไม่ว่าจะเป็นซิปกระเป๋า ฝืดจากบานพับของประตูหน้าต่าง สามารถใช้ขี้ผึ้งจากเทียนไขมาขูดออกให้เป็นผงแล้วยัดลงไปตามรอยที่เกิดอาการฝืด ส่วนกระเป๋าให้ใช้เพียงส่วนของเนื้อขี้ผึ้งขัดถูกไปมา อาการฝืดก็จะหายไป

อุดร่องผนังหรือประตูที่มีรูรั่ว
             หากพบร่องผนังแตกหรือมีการรั่วไหลทำให้เกิดน้ำเข้ามาตามช่องต่างๆของประตูหน้าต่าง อาจจะเป็นตัวก่อปัญหา ทั้งแมลงอันตรายที่เล็ดลอดเข้ามาและความชื้น นอกจากการใช้ยาแนวอุดรอยรั่ว เราสามารถหันมาใช้ขี้ผึ้งจากเทียนไข โดยการรนให้เทียนไขละลายและหยดลงไปตามรอยรั่วและรูที่เป็นต้นเหตุ จากนั้นปล่อยให้มันแห้ง เพียงเท่านี้ปัญหารอยแตกร้าวก็จะหมดไป


ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
             ใครที่สีทาบ้าน อาจจะต้องรอหลายวันกว่ากลิ่นสีเหล่านี้จะหมดไป วิธีกำจัดกลิ่นเคมีให้หมด ทำได้ด้วยการนำเอาเทียนไขมาจุดสักพักหนึ่ง แล้วดับ ปิดประตูหน้าต่างสนิท ให้กลิ่นเทียนอบอวลอยู่ภายใน ไม่นานกลิ่นสีจะค่อยๆ จาง และหายไปในที่สุด

“เมล็ดเจีย Chia Seed”

เมล็ดเจียรูปร่างเล็กเหมือนเมล็ดแมงลักแต่คุณประโยชน์ไม่เล็กเลย เต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ ไฟเบอร์ กรดไขมันดีชนิดโอเมก้า-3 ,6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระมีโปรตีน และยังมีส่วนช่วยลดน้ำหนัก ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายของเราสมบูรณ์แข็งแรง
ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง
ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว ไม่ติดเชื้อจากบาดแผลง่าย
ทำให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสมองและความจำ
ป้องกันโรคกระดูกพรุน
ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น
ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้เป็นปกติ
ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น พุงไม่ป่อง ท้องไม่ผูก
ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น
ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย
เมล็ดเจียมีสารอาหารสำคัญ เหมาะสำหรับช่วงที่เป็นประจำเดือน
คาร์โบไฮเดรต ช่วยลดผลกระทบด้านอารมณ์ ช่วยลดอาการเครียด  อารมณ์เสียรวมถึงอาการอ่อนเพลีย
 แมงกานีส ช่วยให้มีประจำเดือนมาปกติ ลดอาการหงุดหงิดง่าย
แคลเซียม ลดผลกระทบที่เกิดจากการมีประจำเดือน เช่น ปวดท้อง ปวดหลัง หงุดหงิด วิตกกังวล ซึมเศร้า
ไฟเบอร์ ช่วยลดอาการฮอร์โมนแปรปรวนในช่วงปลายของรอบวงจร ประจำเดือนลง ลดการปวดท้องและปวดหลังในช่วงเป็นประจำเดือนได้ดี

“วิธีกำจัดเพลี้ย”



นำกระเทียมประมาณ1กำมือมาตำให้แหลกแล้วแช่ในน้ำเปล่า2ลิตรทิ้งไว้1วัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำไปฉีดพ่นเพลี้ยตามใบตามต้น เท่านี้เพลี้ยจะหนีหายไปในที่สุด

“วิธีป้องกันมอดมากินข้าวสาร”

วิธีที่ 1. นำข้าวที่มอดขึ้นมาตากแดดความร้อนและแสงแดดจะทำให้มอดหนีไปเอง
วิธีที่ 2. ใช้ช้อนสแตนเลส ใส่ลงไปในถังใส่ข้าว
วิธีที่ 3. ใช้พริกแห้ง 1 กำมือใส่ในผ้าขาวบาง แล้วไว้ในถังข้าว หมั่นเปลี่ยนเมื่อกลิ่นหมด
วิธีที่ 4. ใส่ใบมะกรูดหรือลูกมะกรูดสด มอดจะหนีไปเองแต่ต้องหมั่นเปลี่ยนเมื่อกลิ่นหมด 

“ผัก ที่ไม่ควรกินดิบๆ”


ถั่วฝักยาว
ถั่วฝักยาวดิบ มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ท้องอืด ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการย่อยและผู้สูงอายุ ควรปรุงสุกก่อนรับประทาน

ถั่วงอก
ถั่วงอกดิบไฟเตทสูง เมื่อรับประทานเข้าไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกาย ร่างกายจะเป็นโรคขาดแร่ธาตุ สารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้ม หรือนำไปปรุงให้สุกก่อน

 หน่อไม้
หน่อไม้ดิบมีสารที่เปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ควรต้มในน้ำเดือดให้นานเกิน 10 นาทีจึงจะปลอดภัย

ผักโขม
ในผักโขมนั้นมีกรดจะไปขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถดูดซับธาตุเหล็กได้ดังนั้นควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานดีกว่า


มันสำปะหลัง
รากของมันสำปะหลังดิบ มีสาร limanarin สามารถย่อยเปลี่ยนรูปโดยการออกฤทธิ์ยับยั้งการหายใจระดับเซลล์  ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลารวดเร็ว สารจะถูกทำลายเมื่อนำมันสำปะหลังมาผ่านความร้อนควรทำให้สุกก่อนทานปลอดภัยสุด

กระหล่ำปลี
กะหล่ำปลีดิบมีสารพิษที่เรียกว่า (Goibrogen) ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน สร้างเป็น ฮอร์โมน(Thyroscine) ได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุก จะดีกว่า

พฤติกรรมที่ต้องเลี่ยง เพื่อ “บ้าน” จะได้ไม่เสี่ยงเป็นเป้าหมายโจร


- ต้นไม้รอบบ้าน การมีต้นไม้ใหญ่ไว้รอบบ้านอาจเป็นเรื่องดีเพราะช่วยสร้างความสดชื่นร่มรื่น อากาศดีมีความเป็นส่วนตัว แต่อีกมุมหนึ่งโจรคิดว่าต้นไม้ยิ่งสูงยิ่งเป็นเหมือนบันไดให้สามารถบุกเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายขึ้น และพุ่มไม้หนาๆ ยิ่งปิดบังไม่ให้เห็นพฤติกรรมของโจรได้เป็นอย่างดี ดังนั้นควรปลูกต้นไม้ เตี้ยๆ หรือต้นไม้ที่มีหนามจะได้เป็นอาวุธป้องกันโจรไปด้วยในตัว
- ต้นไม้แห้งเหี่ยว ต้นไม้สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณอยู่บ้านหรือเปล่า เพราะหากต้นไม้เหี่ยวเฉา โจรก็จะรู้ทันทีว่าไม่มีคนอยู่บ้านอย่างแน่นอน
- กองขยะหน้าบ้านบอกฐานะ การนำกล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ เฟอร์นิเจอร์ มากองทิ้งไว้หน้าบ้านเสี่ยงต่อโจรว่าตอนนี้บ้านคุณมีฐานะประมาณไหน
- อย่าไว้ใจใครง่าย เจ้าของบ้านที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้านจึงจ้างแม่บ้านหรือ คนสวนมาทำงานให้ หากจะเลือกจ้างใครควรเป็นคนที่เราไว้ใจได้เท่านั้น
- ตู้จดหมายหน้าบ้าน อีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกว่ามีคนอยู่บ้านหรือไม่ หากตู้จดหมายมีเอกสารล้นตู้ โจรช่างสังเกตย่อมเห็นว่าบ้านหลังนี้อาจจะไม่มีคนอยู่ แน่ๆ
- ติดเบอร์โทรศัพท์หรือชื่อของเจ้าของบ้านไว้หน้าบ้าน โจรอาจลองโทรเช็คว่าบ้านนั้น มีคนอาศัยอยู่ตอนช่วงเวลาไหน
- เปิดไฟทิ้งไว้ในบ้าน ตลอดทั้งคืนไม่ได้ช่วยให้บ้านคุณปลอดภัยจากโจร โจรอาจคิดได้ว่าใครจะเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืน ไฟที่ควรเปิด คือไฟบริเวณหน้าบ้าน และควรจะเป็นไฟแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติจะดีกว่า

“วิธีทำความสะอาดขอบยางประตูตู้เย็น”


เมื่อขอบยางประตูตู้เย็น มีราขึ้น มีวิธีลบราออกได้โดยใช้ผ้าชุบ น้ำส้มสายชู แล้วนำ ไปถูตรง ขอบยางประตู ตู้เย็น ที่เป็นรา ราจะหลุดออกไปได้โดยง่ายดาย

“ต้นโมก”

        
      โมก หมายถึง ผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์ทั้งปวง คนโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นโมกไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความสุข ช่วยคุ้มครองปกป้องภัยอันตราย เป็นสิริมงคลแก่บ้านโมกมีดอกเป็น สีขาว สะอาด มีกลิ่นหอม มองแล้วรู้สึกสบายใจ
      
ต้น  เป็นไม้ยืนต้น ผิวเปลือกสีน้ำตาลดำ ลำต้นกลมมีจุดสีขาว แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบ ลำต้น
      
ใบ  ใบเดียวออกเรียงกันเป็นคู่ตามก้านใบ
      
ดอก  ออกดอกเป็นช่อ อยู่ตามปลายกิ่ง ดอกจะคว่ำหน้าลงสู่พื้นดิน สีขาวกลิ่นหอม
      ฝัก  รูปทรงกระบอก มีเมล็ดเรียงมีขนสีขาวเป็นกระจุกที่ปลาย


     
การปลูกโมกในกระถาง
 
การปลูกควรใช้กระถางทรงสูง ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ขุยมะพร้าว  ดินร่วน ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถางบ้างแล้วแต่ความเหมาะสมของทรงพุ่มและการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม และควรเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อมสภาพไป
       การดูแล
                 โมก ต้องการแสงแดดปานกลาง จนถึงแสงแดดจัด ปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง ดินร่วนซุย มีความชื้นปานกลาง
 
การขยายพันธุ์ต้นโมก
     
มีทั้งการตอน, การเพาะเมล็ด และ การปักชำ ทั้งนี้ต้นโมกไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและศัตรู เพราะเป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพธรรมชาติ

“ต้นกวักมรกต”


 เป็นไม้ในร่มที่สวยงาม มีความเชื่อว่าเมื่อนำมาปลูกจะเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่งราบรื่น ประสบความสำเร็จในชีวิต
ลักษณะมีหัวใต้ดิน แท่งใบเหนือดิน ก้านใบอวบน้ำ แตกใบย่อยเป็นสีเขียวมรกต ใบเรียงสวยงามและเป็นมัน ส่วนดอกเป็นช่อ  ดูแลง่าย ไม่ค่อยพบปัญหาโรคพืชหรือแมลงมารบกวน
วิธีการปลูกและดูแลรักษา
นำต้นมรกตมาปลูกในกระถางใส่ดินร่วน ผสมแกลบปลูกในที่พอมีแสงสว่างบ้างไม่ต้องการน้ำมาก
วิธีขยายพันธุ์ต้นกวักมรกต

ต้นกวักมรกตเป็นต้นชนิดหัว เมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่ สามารถแยกหัวเพื่อขยายพันธุ์ได้

ประโยชน์และสรรพคุณของ “ยอ”

  “ยอ  มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงประโยชน์สามารถใช้ได้ทุกส่วน ต้น ใบ ผล
 ลำต้น ดอก เมล็ด 
ประโยชน์และสรรพคุณ
- ใบสด มีวิตามินเอสูงจึง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ใช้ทำอาหาร เช่น ห่อหมก
    ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ อาหารหมู
- ดอกยอ ใช้รักษาโรคกุ้งยิง
-  ใบทำยาพอก รักษาโรคมาลาเรีย แก้ไข้ แก้ปวด รักษาวัณโรค อาการเคล็ดยอก
- นำใบสดมาคั้นเอาน้ำมาสระผมฆ่าเหา
- แก้ปวดเมื่อยตามข้อมือข้อเท้า รักษาวัณโรค แก้ท้องร่วง ลดไข้ แก้ไอ
   -  ขับเสมหะ แก้จุกเสียดแน่นท้อง แก้โรคเบาหวาน ป้องกันโรคในระบบหัวใจ
- แก้โรคมะเร็ง แก้โรคเกาต์ ช่วยขับประจำเดือน แก้อาการคลื่นไส้ วิงเวียน
- ลูกยอสุก ใช้รับประทานเพื่อฆ่าพยาธิในร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร
     ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง 
-  ลูกยอบดละเอียดใช้กลั้วคอแก้คอเจ็บ แก้ปากและเหงือกอักเสบ
      แก้ปวดฟัน ใช้ทาเท้าแก้เท้าแตก ใช้ทาผิวฆ่าเชื้อโรค
- น้ำสกัดลูกยอ แก้ความดันโลหิตสูง รักษาโรคเบาหวาน

- ลูกยอสด ช่วยขับประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ 

ประโยชน์และสรรพคุณของ “ตะขบ”



ต้นตะขบเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เปลือกสีเทา กิ่งแผ่สาขาขนานกับพื้นดิน ตามกิ่งมีขนปกคลุม ขนนุ่ม ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาในสวนผลไม้หรือตามสวนป่าเพื่อเป็นอาหารของนก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ของตะขบ
-        ผลสุกมีรสหวาน ใช้รับประทานได้
-        ตะขบ มีใยอาหาร แคลเซียม และโพแทสเซียมสูง ช่วยดูดซับคลอเรสเตอรอล
    ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้และเส้นเลือดสมองแตก
-        ตะขบนำไปสกัดใช้ ย้อมเส้นไหมได้
สรรพคุณของตะขบ
-        รากมีรสฝาดเล็กน้อย ใช้ปรุงเป็นยาขับเหงื่อ แก้เสมหะ  โรคผิวหนัง  แก้ผื่นคัน
          ตามตัว
-        เนื้อไม้มีรสฝาด ใช้ทำเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด
-        เปลือก แก่น และใบ ใช้เป็นยารักษาอาการปวดเมื่อยตามตัว แก้โรคเหน็บชา
               รักษาอาการปวดข้อ
-        ดอก ใช้เป็นยารักษาแก้ปวดศีรษะ แก้หวัด ปวดเกร็งในทางเดินอาหาร ลดไข้ 

“ต้นมะลิ”

มะลิเป็นไม้มงคลที่สูงค่าจึงนิยมใช้บูชาพระ  สีขาวอันบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมเย็นไม่ว่าจะเป็นมะละซ้อนหรือมะลิลา ส่งเสริมสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความรักใคร่กลมเกลียว และนำมาใช้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ วันแม่ เพราะดอกมะลิเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีให้ลูกน้อยไม่มีวันเสื่อมคลาย
ลักษณะของต้นมะลิ
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เป็นทรงพุ่ม มีใบแน่น มีความสูงประมาณ 5 ฟุต แตกกิ่งก้านรอบ ๆ ลำต้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ และการตอนกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ชอบแสงแดดจัด
ดอกมะลิ ออกดอกตามซอกใบและปลายกิ่ง ลักษณะของดอก ดอกซ้อนเราจะเรียกว่า มะลิซ้อนส่วนดอกที่ไม่ซ้อนจะเรียกว่า มะลิลาโดยทั้งสองชนิดจะเป็นดอกสีขาวและมีกลิ่นหอม ซึ่งดอกมะลิลาจะมีกลิ่นหอมมากกว่าดอกมะลิซ้อน
วิธีการปลูกและดูแลดอกมะลิ
  -
ดินร่วนซุยมีการระบายน้ำดี                       
  -
มีความเป็นกรด-ด่าง 5.5-6.5
  -
มีอินทรีย์วัตถุและธาตุอาหารสมบูรณ์                     
  -
ได้รับแสงแดดเต็มที่
  -
เตรียม ทรายผสมขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1:1 บรรจุในภาชนะ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
 -
นำกิ่งพันธุ์มะลิปักชำลงในแปลงชำ ให้มีระยะระหว่างแถว และกิ่ง 2x2 นิ้ว 
          รดน้ำและสารป้องกันกำจัดเชื้อรา รักษาความชื้นให้เหมาะสม
  - หลังจากที่กิ่งปักชำออกรากแล้วให้ย้ายลงปลูกในถุง โดยใส่ดิน ใส่ขุยมะพร้าว
           และใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 3:1:1 จนต้นมะลิแข็งแรงดีแล้วจึงนำไปปลูก
  - การปลูกนิยมปลูกในช่วงฤดูฝน เดือน มิถุนายน-กรกฎาคม
  -
ขุดหลุมให้ลึก กว้าง และยาวด้านละ 50 ซม.
  -
ใส่ปุ๋ยคอก คลุกให้เข้ากันกับดิน ทิ้งไว้ 7-10 วัน จึงนำต้นมะลิลงปลูก
  -
การตัดแต่ง หลังจากปลูกมะลิไปนาน ๆ แล้ว เพราะมะลิจะแตกกิ่งก้านมากมาย
              ควรตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งอยู่เสมอ  
  - การให้น้ำ มะลิจะต้องการน้ำพอสมควร อาจให้น้ำวันละ 1ครั้ง หรือ สัปดาห์ละครั้งก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพของดิน โดยให้รดน้ำในตอนเช้า แต่ระวังอย่าให้น้ำท่วม หรือ มีน้ำขังอยู่ที่ดินเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ต้นมะลิแคระแกร็น ใบเหลือง และตายได้

“ต้นมะลิ”


มะลิเป็นไม้มงคลที่สูงค่าจึงนิยมใช้บูชาพระ  สีขาวอันบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมเย็นไม่ว่าจะเป็นมะละซ้อนหรือมะลิลา ส่งเสริมสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความรักใคร่กลมเกลียว และนำมาใช้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ วันแม่ เพราะดอกมะลิเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีให้ลูกน้อยไม่มีวันเสื่อมคลาย
ลักษณะของต้นมะลิ
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เป็นทรงพุ่ม มีใบแน่น มีความสูงประมาณ 5 ฟุต แตกกิ่งก้านรอบ ๆ ลำต้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ และการตอนกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ชอบแสงแดดจัด
ดอกมะลิ ออกดอกตามซอกใบและปลายกิ่ง ลักษณะของดอก ดอกซ้อนเราจะเรียกว่า มะลิซ้อนส่วนดอกที่ไม่ซ้อนจะเรียกว่า มะลิลาโดยทั้งสองชนิดจะเป็นดอกสีขาวและมีกลิ่นหอม ซึ่งดอกมะลิลาจะมีกลิ่นหอมมากกว่าดอกมะลิซ้อน
สรรพคุณ
- ดอกสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกขมับ จะช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้
- รากสดใช้ทำเป็นยาล้างตาแก้เยื่อตาอักเสบ (ราก)
- ช่วยแก้อาการเจ็บหู (ดอกและใบ)
- ช่วยแก้อาการปวดฟัน
- ดอกและใบมีรสเผ็ดชุ่ม เป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
- ใช้เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ขับเหงื่อ แก้ไข้หวัดแดด (ดอกและใบ
- ดอกแก่ใช้เข้ายาหอมเป็นยาแก้หืด (ดอก)
- รากใช้เป็นยาแก้โรคเกี่ยวกับทรวงอก (ราก)
-  ดอกสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกหรือเช็ดบริเวณเต้านม
      เพื่อให้หยุดการหลั่งของน้ำนมได้ (ดอก)
- ช่วยแก้อาการเสียดท้อง (ราก)
- ช่วยบำรุงครรภ์รักษา (ดอก)
- ช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ราก)